วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2550

เรื่องของอดีต

วันนี้เรียนสนุกดี^o^ ตอนนี้การเรียนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้วโดยปริยาย เดี๋ยวแป๊บเดียวเองก็จะขึ้น ม.6 แล้ว (แก่ไป 1ปี) แล้วก็ต้องเตรียมแอดอีก เฮ้อ...ถึงตอนนั้นคงเหนื่อยสุดๆเลย แต่ก็สู้ๆสู้ตายค้า...>O<"
The imperfect tense (l'imparfait) has two primary uses: to describe on-going actions and states of being in the past, and to state habitual actions in the past. The imparfait also has several idiomatic uses. The passé composé and imparfait are each used quite differently in narration.
states of being or past description
The imparfait is used to describe people, places, conditions or situations in the past. Some verbs occur more frequently in the imparfait when they are in the past since they typically describe states of being: être, avoir, vouloir, pouvoir. But these verbs do sometimes occur in the passé composé.
Quand Edouard était adolescent, il n'avait qu'un rêve – devenir un grand cuisinier. Il voulait créer des chefs-d'oeuvre culinaires. Notre jeune escargot gourmand, qui adorait la cuisine française classique, fréquentait les meilleures tables de Paris.
When Edouard was a teenager, he had only one dream – to become a great chef. He wanted to create culinary masterpieces. Our young food-enthusiast snail, who loved classical French cooking, frequented the best Parisian restaurants.
habitual actions in the past
The imparfait is also used to state habitual actions in the past. These past habits are often translated as 'used to, or 'would.' Distinguish between the use of 'would' for habitual past actions (imparfait) and the use of 'would' for the conditional. Note that the imparfait may also be translated by the simple past in English; however, the context, and often adverbs, let you know the action is a past habit.
Edouard: Tu te rappelles, en été à Paris, quand il faisait chaud? On allait toujours à 10 heures du soir chez Berthillon ... Oh, là, là, leurs glaces, leurs sorbets--fraise, framboise, noisette, pistache, des parfums exotiques. Et puis, on se promenait le long des quais, on voyait la Seine qui coulait, on chantait, on se récitait même des vers. Ah, Paris la nuit, Paris là-bas, mmm, en été.
Edouard: Do you remember, in the summer in Paris, when the weather was hot? We always used to go to Berthillon's at 10 o'clock in the evening ... Oh, la, la, their ice cream, their sorbets--strawberry, raspberry, hazelnut, pistachio, exotic flavors. And then, we would take walks along the quays. We would see the Seine which was flowing. We would sing, we would even recite verses. Ah, Paris in the night, Paris over there, mmm, in the summer.

CREDIT BY:laits.utexas.edu/tex

วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2550

A preposition เรื่องง่ายๆ สบายๆ

Tomtam Fine and Dear

หวัดดีจ้า^O^ กลับมาพร้อมความสดใส น่ารัก(อ่ะเปล่าไม่รู้)แต่ที่รู้ๆคือเรามีสาระความรู้มาฝากกันเสมอ วันนี้ก็เช่นกัน เรามาเริ่มเรียนกันเล้ย...>O<"

A preposition is a word used to establish relationships between nouns, between nouns and verbs and between different parts of a sentence. Prepositions usually have spatial or temporal meanings (e.g. beneath, between, in front of, before, after, during, etc). Prepositions are invariable, that is, they have one form with the exception of à and de which contract with the definite articles (le, la, les).

Translating prepositions is notoriously tricky. Never assume that French will use the same preposition as English to express a particular meaning. In fact, there are many cases where one language requires a preposition where the other does not. This is particularly problematic with infinitives followed by prepositions. In general, it is best to treat prepositions as vocabulary items requiring memorization.

In the following sentences, these problems are demonstrated by translating the French prepositions literally. Note how awkward the English translation is as a result.
Bette est fâchée contre Tammy.
Bette is angry against Tammy.Bette is angry at Tammy.
Tex téléphone à Joe-Bob.
Tex telephones to Joe-Bob.
Tex telephones Joe-Bob.


Literal translations are also awkward in situations where a preposition is not used in French but is required in English.
Fiona attend le bus.
Fiona waits the bus.Fiona waits for the bus.
Joe-Bob écoute la radio.
Joe-Bob listens the radio.Joe-Bob listens to the radio.


CReDiT bY:laits.utexas.edu/tex

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2550

มาเรียนเรื่อง interrogative กันเถอะ !

หวัดดีจ้าเพื่อนๆ^O^ วันนี้มาพร้อมสาระ(จริงๆนะ+O+)ที่สามารถนำไปใช้ในบทเรียนของเราได้ ซึ่งเนื้อหาเหล่านี้อาจจะทำให้ใครหลายคนคงเข้าใจได้ไม่มากก็น้อย บรรยายมาเยอะแล้ว มาเข้าเรื่องกันดีกว่านะจ๊ะ ^o^//

An interrogative construction is a grammatical form used to ask a question. There are two kinds of questions: yes/no questions and information questions. So-called yes/no questions may be answered with a simple 'yes' or 'no'.
Are you a student at the University of Texas?
Have you ever been to Sixth Street or Barton Springs?
Do you know how many Aggies it takes to screw in a lightbulb?

Information questions contain a specific interrogative word (who, what, when, why, how) and cannot be answered with a yes or no. Their purpose is to elicit a specific piece of information.
Who is Tex?
When did he come to Texas?
How did he learn French?


Est-ce que vous parlez français?
Do you speak French?

Besides using 'est-ce que', questions in French can be formed by inversion of the subject and verb.
Parlez-vous français?
Do you speak French?


formulating questions The word 'do' is used in English question formation. In similar fashion, French yes / no questions can be formed with the phrase est-ce que.

There are several other ways to ask a question in French. For instance, a tag question is a question word or phrase 'tagged' on to the end of a statement which requires a confirmation with a 'yes' or 'no' answer.
Vous parlez français, n'est-ce pas?
You speak French, don't you?

Finally, the most common way to ask a question in French conversation is to use rising intonation. In this kind of interrogative construction, the word order is the same as a declarative sentence, but the speaker's voice rises at the end to signal the question.
Vous parlez français?
You speak French?


CrediT bY:laits.utexas.edu/tex/

วันจันทร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2550

Fruit Salad

อัลโล^O^ หายไปนานเลย คิดถึงกันใช่ไหม>O< วันนี้มาเข้าเรื่องดีๆมีสาระกันดีกว่านะ
ผลไม้เพื่อสุขภาพค่ะ ขนมหวานจานหลักของบ้านลูกไก่ค่ะ จะใช้ผลไม้ตามฤดูเพื่อความประหยัดค่ะ ไม่ได้ radin นะคะแต่ économe มากกว่า

radin = ขี้เหนียว

écomome = มัธยัสถ์

ผลไม้็ก็มี แอปเปิล กล้วย องุ่นดำ แอปปริคอต แตงโม และ เนคทารีน ซึ่งรูปร่างหน้าตาคล้ายๆ ลูกพีช แต่มีสีแดง เข้มกว่า อร่อยกว่าด้วย
วิธีทำ
หั่นผลไม้ทุกอย่างเป็นชิ้นเล็กๆ เติมน้ำส้มสดลงไป 1 แก้ว จะใช้น้ำส้มคั้นสดๆ หรือ น้ำส้มกล่องสดที่มีขายในช่องแช่เย็นตามซุปเปอร์มาร์เก็ตก็ได้ ลูกไก่ใช้อย่างหลังเพราะสะดวกดี กล้วยกับแอปเปิลหั่นแล้วต้องรีบราดน้ำส้มเลยนะคะ ไม่งั้นดำหมดไม่น่าทานค่ะสูตรลูกไก่ไม่ได้เติมน้ำตาลหรือน้ำเชื่อมอะไรหรอกนะคะ รสธรรมชาติจริงๆ

CREDIT BY: Bloggang de P' Lukkai

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

VISA !ออกเดินทาง ^O^

อ้า...^O^วันนี้มีความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับวีซ่าเพื่อจะเดินทางไปฝรั่งเศสมาฝากพี่น้องกันคับ !
วีซ่าเพื่อศึกษาต่อ
กรอกคำร้องขอวีซ่าระยะยาว 2 ชุดรูปถ่ายปัจจุบันของผู้ยื่นคำร้อง 2 รูป ขนาด 3.5 x 4.5 ซ.ม. บนพื้นขาว หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การเกินกว่า 1 ปี สำเนาบัตรประชาชน สูติบัตร หลักฐานแสดงการสำเร็จการศึกษา หนังสือรับรองการลงทะเบียนในมหาวิทยาลัยหรือหนังสือรับรองการเข้าอบรมในประเทศฝรั่งเศส หนังสือรับรองทางการเงิน ผู้ได้รับทุน จะต้องแนบหนังสือรับรองที่ระบุจำนวนเงินทุนและระยะเวลาที่ได้รับทุน สำหรับบุคคลทั่วไป จะต้องแนบหนังสือรับรองที่ระบุจำนวนเงินที่จะได้รับอย่างต่ำ 5,124 ยูโรหรือ 210,000 บาทต่อปีการศึกษา หรือหนังสือรับรองการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารอย่างต่ำเดือนละ 427 ยูโรหรือ 17,500 บาท หนังสือรับรองที่พัก อาจเป็น- ใบรับรองที่พักจากผู้ให้ที่พักพิงในประเทศฝรั่งเศสพร้อมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน - สัญญาการเช่าที่พัก- ทะเบียนบ้านในประเทศฝรั่งเศส - ใบรับรองการจองห้องพักในหอพักของมหาวิทยาลัย สำหรับผู้ได้รับทุนจากรัฐบาลฝรั่งเศสจะต้องแนบใบรับรองการตรวจร่างกายจากแพทย์ซึ่งได้รับการรับรองจากสถานทูตฝรั่งเศส ผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจะต้องแนบใบรับรองการยินยอมจากผู้ปกครอง ค่าธรรมเนียม 50 ยูโร
วีซ่าเยี่ยมญาติ
1. กรอกคำร้องขอวีซ่าระยะสั้น 1 ชุด 2. รูปถ่าย 2 รูป ขนาด 3.5 x 4.5 ซ.ม. บนพื้นขาว 3. หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การเกินกว่า 6 เดือน 4. สำเนาบัตรประชาชน 5. หลักฐานส่วนตัวของผู้รับรองในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมี- หนังสือรับรองที่พัก - หนังสือรับรองการทำงานและรับรองเงินเดือนของผู้รับรองในประเทศฝรั่งเศส (เฉพาะในกรณีที่หลักฐานดังกล่าวของผู้เดินทางไม่สมบูรณ์) -หนังสือรับรองเงินเดือน 3 เดือนสุดท้าย -หลักฐานการจ่ายภาษีเงินได้งวดสุดท้าย- จดหมายรับรองแสดงความประสงค์ที่จะรับผิดชอบต่อผู้เดินทางพร้อมระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทาง- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาหนังสือเดินทางของผู้รับรอง เหมือนวีซ่าส่วนตัวเพิ่ม หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ทางครอบครัว (หนังสือครอบครัว ใบสูติบัตร ฯลฯ)
วีซ่าประเภทเดินทางส่วนตัว
1. กรอกคำร้องขอวีซ่าระยะสั้น 1 ชุด 2. รูปถ่าย 2 รูป ขนาด 3.5 x 4.5 ซ.ม. บนพื้นขาว 3. หนังสือเดินทางที่มีอายุใช้การเกินกว่า 6 เดือน 4. สำเนาบัตรประชาชน เหมือนวีซ่าท่องเที่ยวแต่เพิ่มหลักฐานส่วนตัวของผู้รับรองในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งมี- หนังสือรับรองที่พัก - หนังสือรับรองการทำงานและรับรองเงินเดือนของผู้รับรองในประเทศฝรั่งเศส (เฉพาะในกรณีที่หลักฐานดังกล่าวของผู้เดินทางไม่สมบูรณ์) -หนังสือรับรองเงินเดือน 3 เดือนสุดท้าย -หลักฐานการจ่ายภาษีเงินได้งวดสุดท้าย- จดหมายรับรองแสดงความประสงค์ที่จะรับผิดชอบต่อผู้เดินทางพร้อมระบุวัตถุประสงค์ของการเดินทาง- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน


Credit by : Bloggang [P' lukkai]

วันพุธที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

ไม่ ไม่ ไม่ !

มาแล้วนะ วันนี้มาพร้อมกับสาระดีๆเช่นเคย จะไม่พูดพร่ำทำเพลง เข้าเรื่องกันเล้ย...
Negation is a grammatical term for the contradiction of some or all of the meaning of an affirmative (positive) sentence. In English, a sentence is commonly negated by inserting a single negative word (not, don't, didn't, won't , etc.) into the appropriate place in the sentence. In French, a sentence is commonly negated by inserting two words.
basic negation
Ne ... pas is placed around the conjugated verb to negate an affirmative sentence in French. Note that the ne changes to n' before a verb beginning with a vowel.

Joe-Bob, l'écureuil, court vite.
Joe-Bob, the squirrel, runs fast.
Edouard, l'escargot, ne court pas vite.
Edouard the snail doesn't run fast.
Trey aime le rap.
Trey likes rap.
Joe-Bob n'aime pas le rap.
Joe-Bob doesn't like rap.

alternate forms of negation
There are many other French words that one can use to negate a positive statement besides the basic form ne ... pas. Moreover, negative words can be used to contradict the verb as well as other parts of the original affirmative sentence.

Joe-Bob écoute de la musique country.
Joe-Bob listens to country.
Tex n'écoute jamais de musique country.
Tex never listens to country.
Trey n'écoute que du rap.
Trey only listens to rap.
Fiona n'écoute rien.
Fiona listens to nothing.
Presque persone n'écoute de musique country en France.
Almost nobody listens to country music in France.

Credit by : laits.utexas.edu/tex/

วันอังคารที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2550

Up Up ! มาอัพแล้ว

หวัดดีทุกคน^O^ กว่าจะได้อัพยากเย็นเหลือเกิน เน็ตที่บ้านช้ามากๆ ไม่ได้อัพตั้งเดือนหนึ่ง ต้องขอโทษด้วยที่อัพช้าขนาดนี้ ตอนนี้อัพที่โรงเรียนอยู่ อ่ะๆ...เข้าเรื่องกันดีกว่านะ มีสาระดีๆของภาษาฝรั่งเศสมาฝากกันด้วย >O<
Verbs like prendre are conjugated like regular -re verbs in the singular, but not in the plural. Note the difference in the stem in the plural forms.

prendre 'to take'
je prends
tu prends
il/elle/on prend
nous prenons
vous prenez
ils/elles prennent
past participle: pris

Verbs conjugated like prendre include:
apprendre, to learn
comprendre, to understand
surprendre, to surprise


Edouard et Tammy surprennent Tex.
Edouard and Tammy surprise Tex.
Tammy: Qu'est-ce que tu fais, Tex? Tu vas où? Pourquoi tu prends un taxi?
Tammy: What are you doing, Tex? Where are you going? Why are you taking a taxi?
Tex: Uhh, je suis en retard. Uhh, je vais en classe. Aujourd'hui mes étudiants apprennent à chanter la Marseillaise!
Tex: Uhh, I'm late. Uhh, I'm going to class. Today my students are learning to sing the Marseillaise!


Credit by: laits.utexas.edu

วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550

Avoir Expressions [สำนวนง่ายๆ]

Tomtam Cream and Bew

ฮ้า...ไม่ได้มาอัพตั้งนาน เพราะช่วงนี้งานเยอะมากๆๆๆๆๆ และใกล้จะสอบแล้วด้วยยังอ่านหนังสือไม่หมดเลย เครียดมากๆ แต่จะพยายามทำให้เต็มที่น่ะ มาดูความรู้กันดีกว่า เตรียมพร้อมก่อนสอบน่ะ ^O^

Avoir is used in the impersonal expression ily a, which means either 'there is' or 'there are.' Il y a is used to express the existence of a person or a thing, or to make a list or inventory of persons or things. The indefinite article (un, une, des) is usually used with il y a .

Tex: A Paris il y a une tour, la Tour Eiffel.
Tex: In Paris there is a tower, the Eiffel Tower.


En France il y a des cathédrales, des châteaux, des monuments anciens ...
In France there are cathedrals, castles, ancient monuments ...

The negative of il y a is il n'y a pas. The indefinite article (un une, des) becomes de or d' after this negative expression. This corresponds to the English word 'any.'

Tex: Au Texas il n'y pas de cathédrales, il n'y pas de châteaux, il n'y pas de monuments anciens,
Tex: In Texas, there aren't any cathedrals, there aren't any castles, there aren't any ancient monuments,


Tammy: Mais il y a une tour à l'Université du Texas à Austin.
Tammy: But there is a tower at the University of Texas at Austin!

Avoir is used in many idiomatic expressions. Note that the English translation often uses the verb 'to be' rather than 'to have.'
avoir besoin de
to need
avoir envie de to want (to do something), to feel like (doing something)
avoir l'intention de to intend to (do something)
avoir faim to be hungry
avoir soif to be thirsty
avoir chaud to be hot
avoir froid to be cold
avoir honte (de) to be ashamed (of)
avoir mal (à la tête, à la gorge, aux yeux) to hurt (to have a headache, to have a sore throat, to have sore eyes)
avoir raison to be right
avoir tort to be wrong
avoir sommeil to be sleepy

Bette: Tex, j'ai faim.
Tex: Il y a un café à côté. Allons prendre un sandwich.
Tammy: Mais, Tex. Bette et moi, nous avons un examen demain. J'ai envie de vous accompagner, mais nous avons besoin d'étudier. En plus, j'ai toujours froid dans ce café.
Bette: Tu as raison,Tammy. Toi, tu as besoin d'étudier, mais pas moi. J'ai l'intention de manger. Ciao. Miau.


Bette: Tex, I'm hungry.
Tex: There's a café next door. Let's go have a sandwich.
Tammy: But, Tex. Bette and I have a test tomorrow. I'd like to go with you, but we need to study. AND, I'm always cold in that cafe.
Bette: You're, right, Tammy. You do need to study, but not me. I intend to eat. Ciao. Meow.


Credit by:laits.utexas.edu

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2550

VerbE น่าสนใจ ^o^

ฮ้า...^O^หายไปนานเลยใช่ไหม รู้ไหมเพราะอะไร เพราะว่าเรามัวแต่ทำเทมเพลตอยู่นะซิ ก็แก้อยู่นาน ในที่สุดก็ต้องกลับมาเป็นแบบเดิม ทำยากจริงๆเล้ย... อ่ะ!!! วันนี้มาเข้าสู่บทเรียนในเรื่อง Verbe กันน่ะ แต่จะเป็นเรื่องอะไรก็มาเริ่มอ่านกันเลย >o<
The irregular verbs boire, croire, and voir have similar conjugations. Listen carefully to their forms in the present tense.


boire 'to drink'
je bois
tu
bois
il/elle/on boit
nous buvons
vous buvez
ils/elles boivent
past participle :
bu

croire 'to believe'
je crois
tu crois
il/elle/on
croit
nous croyons
vous croyez
ils/elles croient
past participle :
cru

voir 'to see'
je vois
tu vois
il/elle/on
voit
nous voyons
vous voyez
ils/elles voient
past participle :
vu

Fiona: Corey, tu as l'air malade! Mais qu'est-ce que tu bois? Hé, tu m'entends? Tu me vois? Oh, là, là, je crois qu'il va crever!

Fiona: Corey, you look sick! What are you drinking? Hey, do you hear me? Do you see me? Omigod, I think he's gonna croak!

Credit by :laits.utexas.edu

วันพุธที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2550

Faire Expressions [สำนวนง่ายๆ ^o^]

หวัดดีเพื่อนๆทุกคน กลับมาพร้อมสาระดีๆที่มีให้คุณ(เป็นสโลแกนไปแล้ว>O<") วันนี้อาจารย์กลับมาแล้ว ดีใจจังเลย ^O^ แต่อาทิตย์หน้าอาจารย์ก็ไม่อยู่อีกแล้วล่ะ TTOTT เฮ้อ...ต้องเรียนด้วยตัวเอง มันลำบากจังเลย ไม่มีอาจารย์มาสอน รู้สึกห้องเรียนไม่เป็นห้องเรียนเลย เพราะถ้าไม่มีอาจารย์ แล้วจะมีนักเรียนได้อย่างไร? พร่ำมาเยอะแล้ว มาเข้าสู่เรื่องที่มีสาระดีๆที่เป็นฝรั่งเศสกันดีกว่า ^o^ ในบทความตอนนี้จะโพสต์ถึงเรื่องสำนวนของ Verbe Faire[Faire Expressions] นั่นเอง มีรูปภาพประกอบด้วยนะ \^ ^/
The verb faire is used in many impersonal weather expressions. เราจะใช้ V.Faire มากในสำนวนพยากรณ์อากาศ

Quel temps fait-il? What's the weather like?
Il fait beau. It's beautiful.
Il fait chaud. It's hot.
Il fait du brouillard. It's foggy.
Il fait du soleil. It's sunny.
Il fait du vent. It's windy.
Il fait frais. It's cool.
Il fait froid. It's cold.
Il fait mauvais. It's bad.

Other weather expressions which do not use faire include: แต่สำนวนอื่นๆ เราก็ไม่ใช้ V.Faire
Il y a des nuages. It's cloudy.
Il y a des orages. There are storms.
Il y a de l'orage. It's stormy.
Il pleut. It's raining.
Il neige. It's snowing.

Faire is also used to talk about sports and leisure activities. Here is a list of common expressions. V.Faireใช้บอกการเล่นกีฬาและกิจกรรมในเวลาว่าง
faire de la bicyclette, to go bicycle riding
faire du bateau, to go boating
faire de la lecture, to read
faire de la planche à voile, to go windsurfing
faire des randonnées, to go hiking
faire du ski, to go skiing
faire du vélo, to go bicycle riding, cycling
faire de la voile, to go sailing
faire une promenade, to take a walk


Faire is also used in many expressions dealing with household chores. V.Faire ใช้มากในสำนวนที่เกี่ยวกับทำงานบ้าน
faire des achats (du shopping), to go shopping
faire la cuisine, to do the cooking
faire des courses, to run errands
faire la lessive, to do the laundry
faire le lit, to make the bed
faire le marché, to do the grocery shopping
faire le ménage, to do the housework
faire la vaisselle, to do the dishes

Quand il fait du soleil, Tex et Tammy font une promenade dans le parc.
When it's sunny, Tex and Tammy take a walk in the park.
Quand il fait mauvais, Tex fait le ménage et Tammy fait de la lecture.
When the weather's bad, Tex does the housework and Tammy reads.

วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550

Je pense à toi [หวานซะ >O<]

เฮ้อ...-O-" วันนี้ไม่ได้เรียนฝรั่งเศสแล้วไม่ดีเลย เพิ่งจะรู้ว่า ถ้าไม่มีอาจารย์มาคอยสอน รู้สึกเรียนด้วยตังเองมันลำบากไม่ใช่น้อยเลย -_-" วันนี้เข้า moodle บ่อยมาก(กว่าทุกครั้งมั้ง^^")พยายามศึกษาด้วยตัวเอง ทำแบบฝึกหัดทบทวนบ้าง วันนี้ก็ได้ความรู้ไม่มากก็น้อยจากที่เรียนด้วยตัวเอง ^^ มาถึงตอนนี้ก็มีกลอนที่น่าจะไพเราะมาฝากอาจารย์ด้วย หนูพออ่านออกได้บ้างบางคำ อยากให้อาจารย์ได้อ่านดู ถ้าอาจารย์มาเยี่ยมนะค่ะ ^O^

JE PENSE A TOI

Je pense à toi tout le temps,
Matin et soir, nuit et jour,
Même les jours de mauvais temps,
Je veux dans ma vie ton amour.

Je rêve de te prendre dans mes bras,
Je rêve de t'embrasser tendrement,
Je veux qu'on s'enlace où qu'on soit,
Mais ce n'est qu'un rêve malheureusement.

A vrai dire je ne sais pas quoi faire,
Si t'aimer ne mène à rien,
Et toi tu restes là sans rien faire,
Et pour moi ce n'est pas bien.

Pourtant je sais qu'au fond de toi tu ressens quelque chose
Et je voudrais bien le découvrir,
Car ma vie n'est pas bien rose,
Et toi seul pourrait la refaire luire.

LOLODE19

วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2550

วันอังคารที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2550

กลับมาแย้วจ้า... ^O^

Yo!!!>O< หวัดดีเพื่อนๆทุกคนเลย หายไปนานมากๆ เพิ่งกลับมาจากเข้าค่ายยุววาทศิลป์ เมื่อวันที่ 24-26 ส.ค. 2550 ที่ผ่านมา ขอบอกว่าเหนื่อยสุดๆ -O-" กลับมาก็ไม่ได้อัพบล็อก เพิ่งจะได้ฤกษ์วันนี้ เข้าค่ายครั้งนี้ได้ความรู้ ความสนุกสนาน และเป็นประสบการณ์ในชีวิตอีก เพื่อนๆคนไหน ถ้าคิดอยากจะเข้าค่ายที่อื่นก็ขอให้ไขว่คว้ามาเป็นประสบการณ์ดูบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อยเลย แต่อย่าให้เสียการเรียนล่ะ คงจะไม่ได้อะไรเลยซักอย่างเดียว ^ ^
วันนี้ยังเพลียอยู่เลย ก็เลยจะทำเรื่องอาหารที่น่ากินมากๆมาฝากกันนะ ^O^
หอยทอด-Omelette de moule
วันนี้วันอาทิตย์ ลูกไก่ไปตลาดนัดได้หอยแมลงภู่มา 2 ลิตร แปลกเหมือนกันนะคะที่ทีนี่เขาขายเป็นลิตร ไม่ได้ขายเป็นกิโลเหมือนเมืองไทย ลิตรนึงไม่ถึง 1 กิโลหรอกค่ะ หอยแมลงภู่ที่นี่อร่อย ตัวเล็ก แต่เนื้อเยอะเมื่อแกะออกมาแล้ว ต้มกินกับน้ำจิ้มกระเทียมพริกขี้หนูมะนาว อร่อยสุดยอดเลยละค่ะแต่วันนี้ลูกไก่จะเปลี่ยนมาทำหอยทอดแทน เครื่องปรุงก็มีครบครัน
เครื่องปรุง สำหรับ 4 จาน
แป้งมันสำปะหลัง 1 ถ้วยครึ่ง
แป้งข้าวเจ้า ½ ถ้วย
แป้งสาลี 3 ชต
น้ำปูนใส 3-4 ชต
น้ำ 2 ถ้วย
หอยแมลงภู่
ไข่
ถั่วงอก
ต้นหอมหรือ กุ้ยช่าย
กระเทียมสับ
ซอสปรุงรสตามชอบ
วิธีทำ
1 เอาหอยแมลงภู่ใส่หม้อตั้งไฟให้ปากอ้า แกะเอาแต่เนื้อ เก็บเอาไว้
2 ผสมแป้งทั้งหมดให้เข้ากัน หั่นต้นหอมหรือกุ้ยช่ายใส่ลงไปด้วยจะได้มีสีสรรสวยงาม เพิ่มกลิ่น เพิ่มรสชาติด้วย
3 ตั้งกะทะ แบบกว้างแบน ใส่น้ำมัน รอให้ร้อนจัด ตักแป้งราด อย่าให้หนามาก ใส่หอยที่แกะเอาไว้ ให้ทั่ว แผ่นแป้ง ต่อยไข่ใส่ลงไป รอให้เหลือง พลิกกลับด้าน เติมน้ำมันเล็กน้อย เมื่อเหลืองดีแล้ว สับให้เป็นชิ้นเล็กๆ
4 ใส่กระเทียม ถั่งงอก ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาล ตามชอบ ผัดให้เข้ากัน จะเติมต้นหอมหรือกุ้ยช่ายอีกก็ได้5 ทานกับซอสพริกสำเร็จรูป หรือ จะทำน้ำจิ้มเองก็ได้ ลูกไก่ทำแบบง่ายๆ ต้มน้ำตาล+น้ำ+น้ำส้มสายชู +เกลือ แล้วก็ตำพริกขี้หนูแดง+กระเทียมใส่ลงไป แค่นี้แหละค่ะ
6 Bon Appetit !

Credit by: Bloggang[P'lukkai]

วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2550

<< Allô ^O^ Mes amis >>

หวัดดีเพื่อนๆ^o^ ผ่านไปแล้วสำหรับการสอบเก็บคะแนนฝรั่งเศส เป็นอย่างไรกันเอ่ย? คงจะพอทำกันได้ใช่ไหม สำหรับเค้าก็โออ่ะนะ
คะแนนพอใช้ แต่ใครทำไม่ค่อยได้ก็ไม่ต้องกังวล เพราะว่ามันจะเป็นตามสเต็ปที่ว่า เรียน สอบ ซ่อม นั่นเอง >O<" เอ้า!มาเข้าเรื่องดีๆ
มีสาระกันบ้างนะจ้ะ วันนี้มาอัพแล้วก็อยากมีเรื่องที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์มาฝากกัน ^^

คติประจำวัน

มีความพากเพียรพยายาม

“Vouloir c’est pouvoir.”
ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

“Les petits ruisseaux font les grandes rivières.”
ลำธารเล็ก ๆ ทำให้เกิดแม่น้ำใหญ่

มีความอดทน

“Tout vient à point à qui sait attendre.”
ความมานะนำสู่ความสำเร็จ

“Qui ne risque rien, n’a rien.”
คนไม่ยอมเสี่ยงจะไม่มีวันได้รับอะไรเลย

รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา

“Ne fais pas à autrui ce que tu ne voudrais pas qu’on te fit.”
อย่าทำกับคนอื่นสิ่งที่เราไม่อยากให้คนอื่นทำกับเรา

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2550

โอ้วว...น่ากินจัง[หิวซะแย้วซิ >O<]

หวัดดี เรามาแย้ว...^O^// วันนี้เหนื่อยมากๆเลย แค่เล่นวอลเล่ย์หน่อยเดียวเอง อย่างนี้แหละ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย เพื่อนๆก็ออกกำลังกายกันมั่งนะ เดี๋ยวจะเหนื่อนแบบเรา -_-"* เอาล่ะมาเข้าเรื่องดีๆกันดีกว่า วันนี้มี
เรื่องอร่อยๆมาฝากกัน เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่กินแล้วดี แถมอร่อยด้วย(เค้าว่าอย่างนั้น^o^")ต้องขอขอบพระคุณพี่ลูกไก่มากๆที่มีเรื่องราวดีๆมาฝากกันอย่างนี้ มา...ไปทำพร้อมๆกันเล้ย...

สลัดปลาซัลมอนและปูอัด
วิธีทำ
ก็ง่ายๆ สไตล์ลูกไก่ค่ะ เอาผักสลัด ลูกไก่ใช้ผักสลัดแดง มะเขือเทศ แครอทขูดฝอย หอมใหญ่ ส่วนน้ำสลัด ก็จะมี
มัสตาร์ด 1 ชช
เกลือ พริกไทย
น้ำส้มบัลซามิก หวานหอมอร่อยกว่า น้ำส้มธรรมดา
น้ำมันมะกอก
ผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันจะเติมหอมแดงสับละเอียดลงไปอีกนิดนึงก็ได้ จะหอมเข้มข้นขึ้นค่ะ ทานกับ ขนมปังฝรั่งเศสร้อนๆ
คำศัพท์ภาษาฝรั่งเศส
ปลาซัลมอนรมควัน = saumon fumé
ปูอัด = surimi
น้ำสลัด = vinaigrette
น้ำมันมะกอก = l'huile d'olive
น้ำส้มบัลซามิก = vinaigre de balsamique
น้ำส้มธรรมดา = vinaigre
หอมแดง = échalotte

Credit by :Bloggang

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2550

Martin Mystery [การ์ตูนหาสรร ^O^]

จากซ้ายไปขวา : บิลลี, ไดอานา, มาร์ติน และจาวา

หวัดดีเพื่อนๆ พี่ๆน้องๆที่รักทุกคน>O< วันนี้มาอัพบล็อกหน่อยหนึ่งนะ ไม่อัพมา3วันแล้ว(สำหรับเค้ามันนาน) เฮ้อ...-O-"วันนี้มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันก็วันนี้นะซิ มีเรื่องให้เครียดได้ทั้งวันเลย ไหนจะเรียน ไหนจะโครงงาน
และไหนจะยังเรื่องกีฬาอีก โอ้ย...>O<"ปวดหัวชะมัดเลย อยากหนีไปไกลๆ ไปในที่ที่ไม่มีคนอยู่ แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ถึงยังไงก็ต้องทำ ฮึม...เอาล่ะ มาเข้าเรื่องสาระๆกันมั่ง วันนี้มีเรื่องอะไร เชิญชมได้ในนะบัดนาวว...

การ์ตูนฝรั่งเศส
มาร์ติน มิสเตอรี่ เป็นการ์ตูนทีวีแอนิเมชัน ที่ออกอากาศในประเทศไทยทางช่อง ดิสนีย์ แชนเนล มีเรื่องราวเกี่ยวกับมาร์ติน, ไดอาน่า และจาวา ผู้ทำงานให้กับองค์กร The Center และมีภารกิจต้องช่วยเหลือโลก

ตัวละครหลัก
มาร์ติน มิสเตอรี่ - นักเรียนอายุ 16 ปีจากโรงเรียน Torrington Academy ในเมือง Sherbrooke รัฐ
ควิเบก

ไดอาน่า ลอมบาร์ด - น้องสาวไม่แท้ของมาร์ติน (แม่ของเธอแต่งงานกับพ่อของเขา) เรียนอยู่ในโรงเรียนเดียวกับมาร์ติน

จาวา - มนุษย์ถ้ำที่มาทำงานเป็นพ่อครังและภารโรงในโรงเรียนของมาร์ติน

มัม - หัวหน้าองค๋กร The Center

บิลลี - มนุษย์ต่างดาวตัวเล็กสีเขียวที่ทำงานใน The Center

ประวัติการสร้าง
ชื่อภาษาอังกฤษ:Martin Mystery
รูปแบบรายการ:การ์ตูนทีวีแอนิเมชัน
ผู้สร้าง:Alfredo Castelli Stephane Berry
แสดงโดย
Samuel Vincent Kelly Sheridan Dale Wilson Teryl Rothery
ประเทศต้นกำเนิด:แคนาดา ฝรั่งเศส
จำนวนตอน:66
การผลิต
ความยาวตอน:ประมาณ 22 นาที
การออกอากาศ
เครือข่าย/สถานี:Marathon Production

สหรัฐอเมริกา : Nickelodeon/4Kids TV

แคนาดา : YTV

ไทย : ดิสนีย์ แชนเนล

มาเลเซีย : ดิสนีย์ แชนเนล

ฟิลิปปินส์ : ดิสนีย์ แชนเนล/GMA Network

เอเชีย : ดิสนีย์ แชนเนล เอเชีย

Credit by: Wikipedia

วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2550

สำนวนวันละนิด จิตแร่มเลย ^o^"

หวัดดีเรากลับมาอัพแล้ว^o^ หายไปนานเลยใช่ไหม ที่หายไป3วันเนี่ยก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ไปซ้อมกีฬาให้น้องๆ ช่วงนี้ต้องฟิตหนักแล้ว เดี๋ยวสู้เค้าไม่ได้แย่เลย^ ^" มาเข้าเรื่องฝรั่งเศสกันมั่ง ช่วงก่อนๆซัก2-3บทความเนี่ย รู้สึกจะมีแต่ไปเที่ยว และอีกทีหนึ่งก็กิน ไม่ก็มีรูปสวยๆ(เพื่อนๆ)มาโพสต์ วันนี้เลยอยากจะอัพเรื่องราวดีๆ มีสาระกันบ้าง มาลุยกันเล้ย... Let's Go! >O<

สำนวน คติสอนใจ(ที่ควรใช้ในชีวิตประจำวัน)

ความจริงใจ
คนเราควรมีความจริงใจต่อกัน นับถือในความเป็นคนของกันและกัน
ภาษาฝรั่งเศส
“Comme on connaît les saints, on les honore.”
คนดีย่อมมีคนยกย่อง

อย่าลำพอง หรือดูถูกคนอื่น
ภาษาฝรั่งเศส
“A l’impossible nul n’est tenu.”
อย่าดูถูกว่าคนที่ทำงานชิ้นหนึ่งไม่สำเร็จ จะเป็นคนทำอะไรไม่มีวันสำเร็จ

“Charité bien ordonée commence par soi-même.”
คุณค่าความดีต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน


ผู้บริหารที่ดี
ผู้บริหารที่ดีต้องรู้จักวิธีจัดคนให้ทำงานตรงตามความสามารถ
ภาษาฝรั่งเศส
“Il faut rendre à César ce qui appartient à Céser et à Dieu ce qui appartient à Dieu.”
ควรวางคนไว้ในที่ที่เขาควรจะอยู่ อย่าทำกับคนอื่นสิ่งที่เราไม่อยากให้คนอื่นทำกับเรา


จงพอใจในสิ่งที่ตนมี (เป็น) อยู่
ภาษาฝรั่งเศส
“De deux maux, il faut choisir le moindre.”
ถ้ามีสิ่งที่ดีไม่ถึงขั้น 2 สิ่งที่เลือก จงเลือกสิ่งที่เลวน้อยที่สุด

Credit by :Daechapattanayanukul School

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2550

Place de la Concorde [มาแย้ว มาอัพๆ ^o^]

โอ้ว...>O< เครียดจังเลย เพิ่งสอบกลางภาคที่1เสร็จ กังวลมากๆ ฝรั่งเศสคราวนี้ตกแน่ๆ ยิ่งกว่าแช่แป้งซะอีก-O-" เฮ้อ...ทำดีที่สุดแล้วล่ะนะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี เออ...ลืมบอกเรื่องที่หายไปนานเป็นเพราะเรื่องสอบนี่แหละ เครียดๆก็เลยไม่ได้มาอัพ แต่ก็รีบมาอัพเลยนะ ^O^ วันนี้ขออัพเรื่องที่ไม่เครียดล่ะกัน เครียดเยอะแล้ว -O-

Place de la Concorde หรือ "ลานคงคอร์ด" อยู่ระหว่าง Champs Elysées และ Jardin des Tuileries สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในปี ค.ศ. 1754 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1763 โดยสถาปนิก Jacques Ange Gabriel มีรูปปั้นบนหลังม้าของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และให้ชื่อในสมัยนั้นว่า Place Louis XV ต่อมาสมัยปฏิวัติฝรั่งเศส พวกปฏิวัติได้เปลี่ยนชื่อสถานที่แห่งนี้เป็น Place de la Révolution ใน ค.ศ. 1792 พร้อมทั้งเอารูปปั้น พระเจ้าหลุยส์ ออก และเอา กีโยติน มาไว้กลางลาน และในช่วง ค.ศ. 1793 – 1795 มีบุคคลจำนวนมาก ถูกประหารโดย กีโยติน ณ. สถานที่แห่งนี้ รวมทั้ง พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และ มารี อังตัวเน็ต ด้วย หลังเหตุการณ์นองเลือดยุคปฏิวัติ ลานแห่งนี้ก็ได้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Place de la Concorde ในปี ค.ศ. 1830 และพระเจ้าหลุยส์ ฟิลิปป์ ได้เอาเสาเหลี่ยมโบราณซึ่งมีอายุเก่าแก่ถึง 3000 ปี จากอียิปต์ มาไว้ที่นี่ ใน ค.ศ. 1836

L'obélisque de Louxor
เสาโอเบลิสก์โบราณอายุ 3000 ปี จากลัคซอร์ เป็นเสาสูง 23 เมตร หนักถึง 230 ตัน เป็นเสาคู่ของต้นที่อยู่หน้า วิหารลัคซอร์ในประเทศอียิปต์ปัจจุบัน ประเทศอียิปต์ได้มอบให้ฝรั่งเศส ทั้ง 2 ต้น ในปี ค.ศ. 1831 แต่การเคลื่อนย้ายเสานี้มายังประเทศฝรั่งเศสสมัยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก ต้องสร้างเรือ พิเศษเพื่อบรรทุก เสานี้โดยเฉพาะ และต้องใช้เวลาขนส่งเป็นระยะเวลาหลายปี ฝรั่งเศสจึงบอกคืนอีก ต้นหนึ่งไป รับมาแค่ต้นเดียว

Credit by : Bloggang [P'lukkai]

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2550

วันเสาร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

สะพานAlexandre III [งดง้าม...งดงาม]

เฮ้ ! ^O^ วันนี้มาอัพแล้ว เมื่อวานไม่ว่าง กลับมาเหนื่อยมากๆ ถ้าว่างจริงๆจะโพสต์รูปงานภาษาไทยให้นะ
ใครรอดูอยู่ก็รอนิดนึงนะ ไม่เกินวันพุธ (คงงั้น -_-") มาเข้าเรื่องมีสาระกันบ้าง เราจะพาคุณไปเที่ยวที่ที่สำคัญ

ของฝรั่งเศสอีกที่หนึ่ง
รูปนี้ถ่ายจากสะพาน เดอ ลา คงคอร์ด ซึ่งอยู่ระหว่างAssemblée Nationale ( ทำเนียบรัฐบาล ) และ Place de la Concorde แต่จริงๆคือรูปสะพาน Alexandre III
Métro : ลงที่สถานี Invalides, Assemblée Nationale
สะพาน Alexandre III สร้างในปี 1897 เพื่อเชื่อมสัมพันธภาพระหว่างฝรั่งเศสและรัสเซียและเพื่อ เป็น อนุสรณ์แก่ พระเจ้าซาร์ อเล็กซานเดอร์ที่3 แห่งรัสเซีย สะพานแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างทั้งหมด 3 ปี (ค.ศ. 1897 – ค.ศ.1900 ) และทำพิธีเปิดครั้งแรกในโอกาสวัน เปิดงานมหกรรมโลกในปี ค.ศ. 1900

อีกมุมหนึ่งของสะพาน อเล็กซานเดอร์ที่3

Credit bY: Bloggang(พี่ลูกไก่)

วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Meringue [ขนมหวานโดนใจ >O<]

โอ้...วันนี้มาพร้อมสาระน่ารู้เช่นเคย มีเรื่องอาหาร(อีกแล้ว -_-")น่ากินมั่กมากมาฝากกัน คงแปลกใจใช่ไหมที่ทำไมช่วงนี้ถึงทำแต่เรื่องอาหาร เพราะว่าช่วงนี้กำลังเรียนเรื่องนี้นะสิ แต่ก็ไม่เกี่ยวหรอก ที่จริงอยากทำเอง เห็นน่ากินดี ไม่เกี่ยวกันเล้ย...-O- อ้า...มีเรื่องมาเล่าคือว่าพรุ่งนี้ที่โรงเรียนมีงานวันภาษาไทย ตอนบ่ายๆเค้าจัดงานกัน เราก็ร่วมด้วยสิ! งานนี้เราขายปาโป่ง ไม่รู้จะกำไรหรือขาดทุน -_-" แต่ก็ทำเต็มที่ >O< ถ้ามีภาพสวยๆก็จะมาโพสต์ไว้นะ ^o^ มาดูดีกว่า ว่านำอาหารอะไรมาฝาก ^ ^
วันนี้เอาขนมหวานมาฝากนะ สูตรเมอแร็งนี้ทำง่ายมาก มีแค่ส่วนผสมของไข่ขาวกับน้ำตาลและเกลือนิดหน่อย
ส่วนผสม
ไข่ 3 ฟอง เฉพาะไข่ขาว
น้ำตาลทรายขาว 190 กรัม
เกลือ ½ ช.ช.
วิธีทำ

ตีไข่ขาวกับเกลือ

ใส่น้ำตาลลงไปครึ่งหนึ่ง ตีต่อไปจนขึ้นขาว ภาษาฝรั่งเศสเขาเรียกว่า Battre les blanc d'oeufs en neige คือตีจนขาวเป็นหิมะ

ตีจนขึ้นแข็ง เมื่อยกตะกล้าตีขึ้นจะไม่หยดลง

ถ้าอยากได้สีก็ใส่สีผสมอาหาร อยากได้สีเขียว ก็เลยหยดสีผสมอาหารลงไป 3 หยด ใส่สีอื่นๆก็ได้ตามชอบ

หยอดในถาดรองกระดาษใขจะได้ไม่ติดถาดเวลาสุก อบที่ไฟ 110 องศา 1 ช.ม. เปิดประตูเตาอบแง้มๆไว้นิดนึงให้ไอน้ำได้ระบายออกไปได้

สุกแล้วก็จะได้หน้าตาแบบนี้นะ

คำศัพท์

ไข่ขาว = blanc d'oeufs
น้ำตาลทรายขาว = sucre en poudre
กระดาษใข = papier sulfurisé
เครื่องตี = fouet électrique

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ศัพท์เหมือนกันหรือต่างกัน [งงจริงๆ -o-"]

อ้า... ^O^วันนี้มีคำศัพท์ฝรั่งเศสที่เขียนคล้ายกับภาษาอังกฤษ แต่ออกเสียงต่างกันมาฝากเพื่อนๆพี่ๆน้องๆกัน อ่านแล้วแยกออกไหมว่าคำไหนเป็นฝรั่งเศส ส่วนคำไหนเป็นภาษาอังกฤษ พอมีตัวอย่างดังนี้ >o<

auto auto รถยนต์
orange orange ผลส้ม
rose rose ดอกกุหลาบ
radio radio วิทยุ
table table โต๊ะ
tiger tigre เสือ
banana banane กล้วย
letter lettre จดหมาย
envelop enveloppe ซองจดหมาย
apartment appartement อพาร์ทเม้นท์ ฯลฯ


เพื่อนๆแยกออกกันใช่ไหมว่าตัวสีแดงนะ เป็นภาษาอังกฤษ ส่วนตัวสีน้ำเงินกรมท่าเป็นภาษาฝรั่งเศส
ยินดีกับเพื่อนที่ตอบถูกด้วย ^o^ แต่ใครตอบผิดก็ไม่ต้องเสียใจนะ พยายามดูหลายๆรอบก็จะรู้เอง ^ ^

วันอังคารที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

สำนวนสอนใจ [จริงหรือOoO"]

เย้...>O< ในที่สุดก็ลงเพลง La vie en rose ได้แล้ว เพลงนี้เค้าไพเราะจริงๆ อยากให้ฟังกันนะ ^o^
มาเข้าเรื่องกันดีกว่า คงรู้กันใช่ไหมว่าถ้ากลับมาเนี่ย ก็จะมาพร้อมสาระดีๆที่มีให้เพียบเลย ^O^ วันนี้มีสำนวนฝรั่งเศสที่เพราะๆมาฝากกันด้วย

คติเกี่ยวกับการคิดดี - ทำดี

“A bon vin point d’enseigne.”
สิ่งใดดีย่อมปรากฏความดีให้เห็นจนได้
“Bonne renommée vaut mieux que ceinture dorée.”
ทำดีเป็นที่ยอมรับในสังคมดีกว่ารวยเงินล้นฟ้า

ความหวังในชีวิต

“Le soleil brille pour tout le monde.”

พระอาทิตย์ย่อมส่องแสงแก่ทุกคน
“Tous les chemins ménent à Rome.”
เส้นทางทุกสายจะมุ่งสู่โรมเสมอ

ความหนักแน่น

“Le vin est tire, il faut le boire.”
สิ่งใดเกิดขึ้นต้องยอมรับและหาทางแก้ไข
“A chaque jour suffit sa peine.”
อดทนต่อทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Salade de pouleT [น่าหร่อยจัง>O<"]

วู้ว...^O^ ในวันนี้อาจารย์สอนเรื่องอาหารของชาวฝรั่งเศสก็เลยอยากจะทำเรื่องอาหารมั่ง ตอนที่เรียนอาจารย์สอนไปก็หิวไปด้วย เพราะในหนังสืออาหารน่ากินมั่กมาก...>O< วันนี้เรียนไปมีความสุขจังเลย
เพื่อนๆก็มีความสุข เรียนอย่างนี้บ่อยๆก็ดีเหมือนกัน เพราะเราจะเข้าใจได้ง่ายกว่าการเรียนแบบท่องจำ
โอ้... OoO นอกเรื่องเยอะแล้ว มาเข้าเรื่องอาหารน่าอร่อยๆกันดีกว่า ส่วนที่บอกว่าจะลงเพลง La vie en rose หรือชีวิตในห้วงรัก ยังไม่ว่างเลย แต่จะลงภายในอาทิตย์นี้นะ อาจจะเป็น MV นะ ไม่แน่ใจ ถ้าเป็นจริงๆ
ก็จะลงให้เหมือนกัน จะพยายามทำมานะ เข้าเรื่องๆ -O-"

สลัดไก่มันฝรั่ง
สลัดวันนี้ต้องใช้
1.มันฝรั่งต้ม
2.อกไก่ทอดในกะทะแบนน้ำมันน้อยๆ หั่นชิ้นบางๆ
3.ผักสลัดเพิ่มสีสัน ไม่ต้องมากค่ะแค่ใบสองใบก็พอ
4.ไข่ต้มหั่น 4 ชิ้น
5.มายองเนส 1 ชต.
6.วิปปิ้งครีมแบบขัน 2 ชต.
7.เกลือ พริกไทย
8.มะเขือเทศหั่นชิ้นเล็ก
วิธีทำ
ผสมมายองเนสกับวิปปิ้งครีมในชามสลัด ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ใส่ส่วนผสมทุกอย่างลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสริฟด้วยบาเก็ตต์ หรือขนมปังอื่นก็ได้ค่ะ
Bon Appetit

คำศัพท์

ไข่ต้ม - oeuf dur

ช้อน - cuiller cuillère [n.f.]

เกลือ -sel [n.m.]

พริกไทย - poivre [n.m.]

มะเขือเทศ - tomates

วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

MuSiquE [กินใจ >O<]

เฮ้ ! ^o^ กลับมาแย้ว มาพร้อมสาระดีๆ ที่นี่ที่เดียว(ทำอย่างกับออกรายการ ^^") วันนี้มีเพลงมาฝากกันด้วยชื่อเพลงว่า La vie en rose เพลงนี้เป็นรักหวานจนเลี่ยนมาก แค่ชื่อก็ โอย...>O< "ชีวิตในห้วงรัก" ยิ่งตรงท่อนสร้อยที่บอกว่า เมื่อเธอกอดฉันไว้ในอ้อมแขนแล้วกระซิบข้างหูฉันเบาๆ ฉันก็เห็นชีวิตนี้เป็นสีชมพู โอ้...>o< มันช่างลึกซึ้งอะไรขนาดนี้ ก่อนที่ใครจะซึ้งไปกว่านี้ ไปอ่านพร้อมๆกันเล้ย... ^O^(เพลงจะลงทีหลังนะ)

La vie en rose

Edith Piaf

Des yeux qui font baisser les miens
Un rire qui se perd sur sa bouche
Voilà le portrait sans retouche
De l'homme auquel j'appartiens
{Refrain:}
Quand il me prend dans ses bras,
Il me parle tout bas
Je vois la vie en rose,
Il me dit des mots d'amour
Des mots de tous les jours,
Et ça me fait quelque chose
Il est entré dans mon cœur,
Une part de bonheur
Dont je connais la cause,
C'est lui pour moi,
Moi pour lui dans la vie
Il me l'a dit, l'a juré
Pour la vie.
Et dès que je l'aperçois
Alors je sens en moi
Mon cœur qui bat.
Des nuits d'amour à plus finir
Un grand bonheur qui prend sa place
Des ennuis, des chagrins s'effacent
Heureux, heureux à en mourir
{au Refrain}
{Nota: variante pour le dernier couplet:}
Des nuits d'amour à en mourir
Un grand bonheur qui prend sa place
Les ennuis, les chagrins s'effacent
Heureux, heureux pour mon plaisir

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

LovE LovE[ความรักอันหอมหวาน]

อ้า...-O-วันนี้มีสาระความรู้มากมายเช่นเคย แต่วันนี้พิเศษหน่อย เพราะวันนี้มีความรักมาฝาก>O< อ่ะๆ อย่าตกใจไป เป็นแค่ประโยคที่ให้ประโยชน์เท่านั้น แต่ใครจะนำไปใช้ก็ได้นะ เพื่ออนาคตจะได้ใช้ประโยคได้ถูก^O^
ประโยคในการบอกรัก
Je t'aime. ฉันรักเธอ
Tu es très beau. เธอหล่อเหลือเกิน
Tu es très belle. เธอสวยเหลือเกิน
Je t'adore. ฉันบูชาเธอ
Je suis amoureux de toi. ฉันหลงรักหล่อน
Je suis amoureuse de toi. ฉันหลงรักเขา
Je suis fou de toi. ฉันคลั่งไคล้หล่อนเหลือเกิน
Je suis folle de toi. ฉันคลั่งไคล้เขาเหลือเกิน

คำศัพท์เกี่ยวกับความรัก
l'amour (n.m.) ความรัก
mon petit ami แฟน(ผู้ชาย)
ma petite amie แฟน(ผู้หญิง)
mon chéri คนรัก(ผู้ชาย)
ma chérie คนรัก(ผู้หญิง)
un bouquet de fleurs ดอกไม้ 1 ช่อ
une rose ดอกกุหลาบ 1 ดอก
une boîte de chocolat ช็อคโกแล็ต 1 กล่อง


แล้ววันนี้ก็มีสำนวนมาฝากกันอีกด้วย เริ่มด้วยสำนวนคลาสสิกตลอดกาล

Je vous aime beaucoup-ฉันรักคุณมากนะ

และหลายครั้งเราห่างเหินกับคนที่เรารักก็ต้องรู้สึกคิดถึงเป็นธรรมดา ใช้สำนวนนี้เลย

Je pense beaucoup à toi-ฉันคิดถึงเธอมากนะ

และอีกสำนวนสุดโรแมนติกก็คือ

Je t'aime à l'infini-ฉันรักเธอตลอดกาล หรือ รักเธอชั่วนิรันดร์

วันนี้หวานมามากแล้ว ต้องไปก่อนที่จะเลี่ยนไปกว่านี้-O-" และวันหลังจะอัพเรื่องดีๆมีสาระนะ The end^O^

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

ภาพถ่ายจากฝรั่งเศส [สวยจัง>O<]

แนะนำตัวยังไงดี [ลืมๆ ^ ^"]

หวัดดีเพื่อนๆ ^O^ วันนี้กลับมาพร้อมสาระความรู้มากมายเช่นเคย เราจะพูดถึงการแนะนำตัวที่เคยเรียนมาแล้ว แต่อยากจะทบทวนความหลังกันซะหน่อย เผื่อใครลืมไปแล้ว ก็จะได้มาทวนกันอีก -O-
คำศัพท์แนะนำตัว
Comment vous appelez-vous? ก็อมม็อง วู ซับเปอร์เร- วู คุณชื่ออะไร What is your name?
Je m'appelle (votre prénom). เชอ มาแป้ล(ชื่อคุณ)
ฉันชื่อ(ชื่อคุณ) My name is (your name).
Je me présente เชอ เมอ เพค์ซ้อง (ชื่อคุณ) ฉันชื่อ(ชื่อคุณ) My name is (your name).
Je suis เชอ ซุ้ย (ชื่อคุณ) ฉันชื่อ(ชื่อคุณ) My name is (your name).
J'ai (âge) ans. เช (อายุ) ออง ฉันมีอายุ (อายุ) ปี I am ( age) years old.
Je suis thaïlandais. (homme) เชอ ซุ้ย ไต้ลองเด้ ฉันเป็นคนไทย (ผู้ชาย) I am Thai. (man)
Je suis thaïlandaise. (femme) เชอ ซุ้ย ไต้ลองแด้ส ฉันเป็นคนไทย (ผู้หญิง) I am Thai. (woman)
Je suis étudiant. (homme) เชอ ซุ้ย เอตุดิย้อง ฉันเป็นนักเรียน(ผู้ชาย) I am a student. (man)
Je suis étudiante. (femme) เชอ ซุ้ย เอตุดิย้องเตอะ ฉันเป็นนักเรียน(ผู้หญิง) I am a student. (woman)
J'habite à (la ville). ชาบิท ตา ฉันอาศัยอยู่ที่ (ชื่อเมือง) I live in (city).

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

Champ de Mars [น่าไปๆ >O<]

Champ de Mars และ อาคารที่เห็นด้านหลังก็คือ โรงเรียนนายทหาร ( Ecole militaire )

Champ de Mars ก็คือ สนามหญ้าเขียวขจีตรงด้านหน้าหอไอเฟล อยู่ระหว่างหอไอเฟล กับ โรงเรียนนายทหาร ( Ecole Militaire ) แต่ Champ de Mars ไม่ใช่สนามหญ้าธรรมดาๆ นะ ได้มีเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มากมายเกิดขึ้นที่นี่ก่อนที่จะมีการสร้างหอไอเฟลซะอีก

เดิมที เนื้อที่ตรงนี้เป็นที่ราบว่างเปล่าของวัด รัฐได้เวนคืนที่ดินแห่งนี้มาเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางทหาร ในสมัยที่มีการก่อสร้างโรงเรียนทหารในปี ค.ศ. 1751 หลังการปฏิวัติฝรั่งเศส และพวกปฏิวัติได้ยึดคุก Bastille มาได้ 1 ปี ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1790 ก็ได้มีการเฉลิมฉลอง สมาพันธ์ประชาราษฎร์ ที่ Champ de Mars แห่งนี้

ในปี ค.ศ. 1783 ได้มีการทดลองบอลลูนเป็นครั้งแรกของสองพี่น้อง Charles และ Robert Montgolfier

ในปี ค. ศ. 1787 Antoine Parmentier เภสัชกรซึ่งถูกจับเป็นเชลยศึกในสมัยที่มีการทำสงครามกับ Prussia หรือ เยอรมันในปัจจุบัน( 1756 -1763 ) และช่วงที่เขาอยู่ที่เมือง Hanovre ในฐานะเชลย เขาก็ได้รู้จักและ เรียนรู้เกี่ยวกับ มันฝรั่งซึ่งชาวฝรั่งเศสในสมัยนั้นยังไม่รู้จัก

เมื่อกลับมาฝรั่งเศสหลังสงครามในปี ค.ศ. 1763 Antoine Parmentier ก็ได้ศึกษาต่อด้านเภสัชกรรม เมื่อจบการศึกษาเขาก็ได้ทำงานที่ Hopital des Invalides ได้ศึกษาค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับมันฝรั่ง จนเป็นผู้ เชี่ยวชาญ และได้รับอนุมัติให้นำมันฝรั่งมาปลูกครั้งแรกที่ Champ de Mars เพื่อให้ชาวฝรั่งเศสได้รู้จัก ^O^

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

อยากเป็นคนฝรั่งเศส [ทำไง -O-]

Assemblee nationale
มาแย้ว...^O^กลับมาตามสัญญาที่ว่าจะเล่าถึงกฎหมายฝรั่งเศส แต่ขอหยิบยืมกฎหมายที่ขอสัญชาติฝรั่งเศสล่ะกัน วันนี้มีเรื่องดีๆมาเล่าคือที่โรงเรียนมีกิจกรรมวันชาติฝรั่งเศส(14 กรกฎาคมของทุกปี)เพื่อนๆห้อง 5/7
มีการเต้นประกอบเพลง และมีการร้องเพลงเดี่ยวให้ฟังด้วย(ร้องเพราะมากๆ) และมีการจัดบอร์ดด้วย ใกล้จะ งานจบ ก็แจกขนมอร่อยๆให้เพื่อเป็นของรางวัลในการจัดบอร์ดนั่นเอง งานนี้ต้องขอขอบพระคุณ คุณครู
เกรียงไกร ทองชื่นจิต ที่ถ่ายรูปกับพวกเรา และแนะนำการแสดงให้กับพวกเรา และคุณครูมนัส หรั่งเทศ ที่สนับสนุนเรื่องการแข่งขันวาดรูป และคุณครูเฉลิม บุญวรรโณ ที่มอบของรางวัลแก่พวกเราค่า...>O<

ขั้นตอนการขอสัญชาติฝรั่งเศส
ขั้นตอนการขอสัญชาติฝรั่งเศสโดยการแต่งงาน

-คู่สมรสของบุคคลที่มีสัญชาติฝรั่งเศส สามารถขอสัญชาติฝรั่งเศสได้ หลังจากแต่งงานจดทะเบียนสมรส ได้ 3 ปี และใช้ชีวิตสมรสร่วมกันจริงๆ
อันดับแรก ต้องยื่นคำขอต่อศาลในเขต ที่ผู้ยื่นขอมีทำเนาที่อยู่อาศัยอยู่ พร้อมเอกสารดังต่อไปนี้
1. สำเนาใบสำคัญการสมรส ( l’acte de mariage )
2. คำรับรองของคู่สมรสทั้งสองที่ยืนยันว่าใช้ชีวิตคู่อยู่ด้วยกัน
3. ใบรับรองสัญชาติฝรั่งเศสของคู่สมรสที่ถือสัญชาติฝรั่งเศส
4. ใบรับรองความประพฤติหรือใบรับรองการสอบประวัติอาชญากรรม ( un extrait du casier judiciaire )
5. ต้องอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสเป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 1 ปีหลังการแต่งงาน
6. ต้องมีความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสเพียงพอ
7. สำเนาใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว( titre de séjour )
8. กรณีที่เคยจดทะเบียนสมรสมาก่อน ต้องแสดงเอกสารการจดทะเบียนสมรสและการจดทะเบียนหย่า
9. ในกรณีที่มีบุตร ต้องแสดงสำเนาสูติบัตรของบุตรผู้เยาว์ที่ไม่ใช่ชาวฝรั่งเศส พร้อมหลักฐานการ พำนักอาศัยกับผู้ร้องขอ
-เมื่อเอกสารครบแล้ว ตุลาการศาล จะมอบใบรับรองการยื่นคำขอ ( un récépissé ) ให้แก่ผู้ขอ พร้อมกับ ยื่นเรื่องไปยังกรมตำรวจให้ดำเนินการสอบสวน เกี่ยวกับชีวิตสมรส ความประพฤติ ความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศส จากนั้นกรมตำรวจก็จะส่งผลการสอบสวนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการโอนสัญชาติ ขั้นตอนทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 1 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้รับใบรับรองการยื่นคำขอ
-ส่วนหนึ่งของกฎหมายใหม่เกี่ยวกับสัญชาติที่ ได้รับการโหวตเสียงยอมรับจาก Assemblée Nationale (สภาผู้แทนราษฎร ) และรอการพิจรณาจาก Sénat ( วุฒิสภา )

DISPOSITIONS RELATIVES À LA NATIONALITÉ
Article 59
Les deux premiers alinéas de l'article 21-2 du code civil sont remplacés par trois alinéas ainsi rédigés :
« L'étranger ou apatride qui contracte mariage avec un conjoint de nationalité française peut, après un délai de quatre ans à compter du mariage, acquérir la nationalité française par déclaration à condition qu'à la date de cette déclaration, la communauté de vie tant affective que matérielle n'ait pas cessé entre les époux depuis le mariage et que le conjoint français ait conservé sa nationalité. « Le délai de communauté de vie est porté à cinq ans lorsque l'étranger, au moment de la déclaration, ne justifie pas avoir résidé de manière ininterrompue et régulière pendant au moins trois ans en France à compter du mariage.« Le conjoint étranger doit en outre justifier d'une connaissance suffisante, selon sa condition, de la langue française. »
-สรุปได้ว่า คนต่างด้าวที่จดทะเบียนสมรสกับผู้ที่มีสัญชาติฝรั่งเศส สามารถขอสัญชาติฝรั่งเศสได้ หลังจากแต่งงานได้ 4 ปี
-เป็นอันว่ากฏหมายว่าด้วยคนต่างด้าวได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อ 26/7/2006
-สำหรับคนที่แต่งงานจดทะเบียนสมรสกับชาวฝรั่งเศส ก็ต้องรอถึง 3 ปี ถึงจะได้รับ « Carte de résident » และถ้าต้องการถือ สัญชาติฝรั่งเศสก็ต้องรอถึง 4 ปี
สุดท้าย ท้ายสุด ต้องขอขอบพระคุณคุณครูทุกๆท่านที่มาร่วมในงานนี้น่ะค่ะ ^o^ แล้ววันหลังจะเอารูปงานวันชาติฝรั่งเศสมาฝากน่ะ ^ ^

วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

กฎหมายควรรู้ [จริงๆน่ะ >o<]

อ้า... วันนี้กลับมาพร้อมความรู้เช่นเคย เราจะพูดถึงกฎหมายฝรั่งเศสกัน แต่เป็นคำศัพท์ที่เข้ามาเกี่ยวข้องน่ะ แล้ววันหลังจะเล่าถึงกฎหมายล่ะกัน ^O^
ภาพวันนี้เป็นภาพที่เพื่อนๆคงรู้จักกันบ้าง นั้นก็คือภาพป้ายชื่อถนนชองป์เซลิเซ่ เห็นว่าเก๋ดี เลยเอามาใส่ ใครชอบก็เม้นกันมาน่ะจ๊ะ >o<

Abus (n.m) (กฎหมายทั่วไป) การละเมิด, การเอาเปรียบ หรือ กระทำเกินเหตุ
คำว่า abus หรือ action abusive หมายถึง การกระทำที่เกินเหตุ การละเมิด หรือ การเอาเปรียบ
เราจะพบคำนี้ได้ในหลายกรณี เช่น
abus du droit หมายถึง การใช้สิทธิเกินส่วน
abus de confiance หมายถึง การยักยอก
abus de domination หมายถึง การเอารัดเอาเปรียบโดยผู้ที่มีส่วนแบ่งในตลาดมากจนสามารถกำหนดทิศทางของตลาดนั้นๆได้ โดยหมายถึง การเอารัดเอาเปรียบกันระหว่างคู่แข่งขันทางการค้า หรือ Abus de position dominante และการเอารัดเอาเปรียบลูกค้า หรือ ผู้ค้ารายย่อย โดยผู้ค้าส่ง หรือ Abus de dépendance économique
abus des biens sociaux หมายถึง การที่ผู้บริหารบริษัท นำทรัพย์สินของบริษัทไปใช้ในทางมิชอบ
clause abusive หมายถึง ข้อสัญญาไม่เป็นธรรม เป็นต้น


Bien-être (n.m) สวัสดิการ (รัฐธรรมนูญ, กม. แรงงาน)
คำว่า bien être ตามปกติแล้วไม่ได้เป็นศัพท์เฉพาะทางกฎหมาย โดยจะหมายถึง ความกินดีอยู่ดี คำนี้เราจะพบบ่อยในทางเศรษฐกิจ
ในส่วนของวิชากฎหมาย เรามักจะพบคำนี้ได้ในกฎหมายแรงงาน โดยจะหมายถึง "สวัสดิการ" อย่างไรก็ดี โดยความหมายของ bien être หมายถึง สภาพความกินดีอยู่ดี อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ดังนั้น เมื่อ จะกล่าวว่านายจ้างให้สวัสดิการแก่ลูกจ้าง เรามักจะพบประโยคว่า L'employeur assure le bien-être de ses employés.
ตัวอย่างการใช้คำนี้ เราจะพบในบทนำของรัฐธรรมนูญสาธารณรัฐที่ 4 ของประเทศฝรั่งเศสปี 1946 (
Préambule de la Constitution du 27 octobre 1946 de la IV République) ข้อ 17 ได้บัญญัติไว้ถึงการใช้ทรัพยากรและความพยายาม เพื่อพัฒนาประเทศ เพิ่มพูนความกินดีอยู่ดี (bien-être) และรักษาความสงบเรียบร้อยของชาติ
(...ปัจจุบัน ประเทศฝรั่งเศสใช้รัฐธรรมนูญแห่งสาธารณรัฐที่ 5 ปี 1958 (Constitution de la V République du 4 octobre 1958) แต่บทนำของ รัฐธรรมนูญปี 1946 ยังคงถูกพิจารณาว่ามีศักดิ์เทียบเท่ากับรัฐธรรมนูญอยู่...)

Bon père de famille วิญญูชน (กม.แพ่ง)
ศัพท์คำนี้มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน Bonus pater familias ในสมัยโรมันนั้น พ่อ (หรือหัวหน้า) ที่ดีของครอบครัว เป็นผู้ที่จัดการบริหารทรัพย์สินของครอบครัว เป็นที่น่าสังเกตว่า ชายใดที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ก็ตาม จะไม่มีทรัพย์สินเป็นของตัวเองตามกฎหมาย
ปัจจุบัน คำว่า bon père de famille ปรากฏอยู่ในกฎหมายหลายมาตราของฝรั่งเศส ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวพันกับการเก็บรักษา บริหาร และจัดการทรัพย์สินของผู้อื่น ด้วยความระมัดระวัง เปรียบเสมือนเป็นทรัพย์สินของตัวเอง
เช่น ในมาตรา 1728 ของประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศส บัญญัติว่า ผู้เช่าทรัพย์ต้องใช้ทรัพย์ที่เช่าเยี่ยงวิญญูชนพึงปฏิบัติ หลักนี้ถูกใช้ในกรณีอื่นๆอีก ตามประมวลกฎหมายแพ่งของประเทศฝรั่งเศสเช่น การบริหารทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยผู้แทนโดยชอบธรรม (มาตรา 450) และการเก็บรักษาและใช้ทรัพย์ที่ยืมมา (มาตรา 1880) เป็นต้น
คำว่า bon père de famille ในบางกรณี อาจเทียบได้กับคำว่า l'homme raisonnable หรือ l'homme droit et avisé โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพูดถึงความรับผิดของผู้ที่สร้างความเสียหายแก่ผู้อื่นโดยไม่เจตนา


Retrait (n.m) ถอน (กม.ปกครอง)
คำว่า Retrait หมายถึง การถอนออก หรือการยกเลิก โดยมักใช้ในกรณีที่ฝ่ายบริหาร ยกเลิกคำสั่งทางปกครองของตนเอง เช่น เมื่อเราต้องการพูดว่า นายกเทศบาลได้ถอนใบอนุญาตการก่อสร้าง เราจะพูดได้ว่า Le maire a retiré le permis de construire.
นับตั้งแต่คำพิพากษาของ Conseil d'Etat, 26 octobre 2001, "Ternon" ฝ่ายบริหารสามารถถอนคำสั่งทางปกครองได้ภายใน 4 เดือนจากวันที่พิมพ์ประกาศคำสั่งนั้นๆ (เพิ่มระยะเวลาจากเดิม 2 เดือน) หลังจาก 4 เดือนแล้ว ผู้มีส่วนได้เสียไม่สามารถจะร้องต่อศาลปกครองเพื่อให้ยกเลิกคำสั่งนั้นๆโดยตรงได้ เนื่องจากจะถือว่าคำสั่งนั้นกลายเป็นคำสั่งถาวร หรือ L'acte est devenu définitif. อย่างไรก็ตาม หากในอนาคต ฝ่ายบริหารออกคำสั่งอื่นๆ ต่อเนื่องมาจากคำสั่งถาวร อันผิดกฎหมาย ผู้มีส่วนได้เสียสามารถร้องต่อศาลเพื่อให้ยกเลิกคำสั่งหลัง โดยอ้างว่าคำสั่งแรกไม่ชอบด้วยกฎหมายได้

นอกจากนั้น คำสั่งเฉพาะตัวอันไม่สร้างสิทธิ์กับตัวผู้รับคำสั่งนั้น ผู้รับคำสั่งสามารถร้องต่อศาลเพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งนั้นได้ โดยไม่มีกำหนดระยะเวลา

Annulation (n.f.) ยกเลิก (กม.ทั่วไป กม.แพ่ง)
Annulation หรือ การยกเลิก มักใช้เพื่อกล่าวถึงการที่ศาลตัดสินยกเลิกนิติกรรมต่างๆ เนื่องจากนิติกรรมนั้นๆ มีเหตุอันทำให้เป็นโมฆะ คำว่า โมฆะ หรือ nullité ในกฎหมายฝรั่งเศสจะต่างจากกฎหมายไทยโดย nullité มี 2 ประเภท คือ

1. nullité absolue โดยผู้มีส่วนได้เสียทุกคน รวมถึงผู้พิพากษาสามารถยกขึ้นมาอ้างเป็นเหตุในการให้ยกเลิกนิติกรรมได้ เช่น เมื่อผู้เยาว์ (mineur) หรือ ผู้ไร้ความสามารถ (incapable majeur) ทำนิติกรรมสัญญา
2. nullité relative ซึ่งเฉพาะผู้เสียหายจากเหตุนั้นๆเท่านั้น จะสามารถอ้างเหตุนั้นได้ หากไม่ได้อ้าง ศาลก็ไม่สามารถยกขึ้นมาเป็นเหตุยกเลิกนิติกรรมได้ เช่น การสำคัญผิดในสาระสำคัญ (erreur sur la qualité essentielle) เป็นต้นสามารถมีเหตุมาจากการที่ผู้ทำสัญญาเป็นผู้เยาว์ หรือผู้ไร้ความสามารถ ก็ได้
การเป็นโมฆะ หรือ nullité ก่อให้เกิดผลย้อนหลัง หรือ effet rétroactif โดยจะกลับไปสู่สถานการณ์ ก่อนเกิด นิติกรรมนั้นๆ เช่น หากสัญญาซื้อขายถูกยกเลิก ผู้ซื้อจะต้องคืนของที่ซื้อแก่ผู้ขาย และผู้ขายจะต้องคืนเงินแก่ผู้ซื้อ เป็นต้น